30128-8501 การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
ตอบคำถาม เรื่องเพาเวอร์ซัพพลาย
1 พาเวอร์ซัพพลาย ทำหน้าที่อะไร
แหล่งจ่ายไฟหรือที่มักจะเรียกทับศัพท์ว่าเพาว์เวอร์ซัพพลาย เป็นส่วนประกอบที่สำคัญส่วนหนึ่งทำหน้าที่แปลงสัญญาณ ไฟฟ้ากระแสสลับจากแหล่งกำเนิดให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรงด้วยความต่างศักย์ที่เหมาะสมก่อนเข้าสู่คอมพิวเตอร์ โดยมีสายเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ภายในเครื่อง ซึ่งในการแปลงสัญญาณไฟฟ้าดังกล่าวนี้จะก่อให้เกิดความร้อนขึ้นด้วย ดังนั้นภายในแหล่งจ่ายไฟจึงต้องมีพัดลมเพื่อช่วยในการระบายความร้อนออกจากตัวเครื่องซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะการที่เครื่องมีความร้อนที่สูงมาก ๆ นั้น อาจจะเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ประกอบภายในเครื่องได้ง่าย ปกติแล้วมักจะไม่ค่อยมีการเลือกซื้อพาว์เวอร์ซัพพลายกันนักถ้าไม่ใช่เนื่องจากตัวเก่าที่ใช้อยู่เกิดเสียไปโดยมากเราจะเลือกซื้อ มาพร้อมกับเคส
เพาว์เวอร์ซัพพลายจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ1. แบบ AT2. แบบ ATX
2. ส่วนประกอบของ เพาเวอร์ซัพพลายคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง
- ไฟกระแสสลับขาเข้า (AC Input) พลังงานไฟฟ้าในส่วนนี้ จะมาจากปลั๊กไฟ โดยที่รู้แล้วว่าไฟที่ใช้กันอยู่จะเป็นไฟฟ้ากระแสสลับที่มีขนาดแรงดัน 220v ความถี่ 50 Hz เมื่อเสียบปลั๊กไฟกระแสไฟฟ้าก็จะวิ่งตามตัวนำเข้ามายังเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ฟิวส์ (Fuse) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการป้องกันวงจรพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดให้รอดพ้นอันตราย จากกระแสไฟแรงสูงที่เกิดขึ้นจากการถูกฟ้าผ่า หรือกระแสไฟฟ้าแรงสูงในรูปแบบต่างๆ โดยหากเกิดกระแสไฟฟ้าแรงสูงเกินกว่าที่ฟิวส์จะทนได้ ฟิวส์ตัวนี้ก็จะตัดในทันทีทันใด
- วงจรกรองแรงดัน วงจรกรองแรงดันนี้จะทำหน้าที่กรองแรงดันไฟไม่ว่าจะเป็นแบบกระแสสลับ หรือกระแสตรงก็ตาม ที่เข้ามาให้มีความบริสุทธิ์จริงๆ เพื่อป้องกันแรงดันไฟฟ้าที่ผิดปกติเช่นไฟกระชาก ซึ่งจะเป็นผลให้วงจรต่างๆ ในพาวเวอร์ซัพพลายเกิดความเสียหายขึ้นได้
- หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) หม้อแปลงที่ใช้ในวงจรสวิตชิ่งซัพพลายจะเป็นหม้อแปลงที่มีหน้าที่ในการแปลงไฟที่ได้จากภาคสวิตชิ่ง ซึ่งก็รับแรงดันไฟมาจากภาคเรติไฟเออร์อีกต่อหนึ่ง โดยแรงดันไฟฟ้ากระแสงตรงที่มีค่าแรงดันสูงขนาดประมาณ 300 v ดังนั้นหม้อแปลงตัวนี้ก็จะทำหน้าที่ในการแปลงแรงดันไฟกระแสตรงสูงนี้ให้มีระดับแรงดันที่ลดต่ำลงมา เพื่อที่จะสามารถใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ก่อนที่จะส่งไปให้วงจรควบคุมแรงดันต่อไป
- วงจรควบคุมแรงดัน (Voltage Control) เป็นวงจรที่จะกำหนดค่าของแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้รับมาจากหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อที่จะให้ได้ระดับแรงดันที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ต่างๆ โดยค่าของระดับแรงดันไฟฟ้านี้ก็จะมีขนาด 5v และ 12v สำหรับพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับเมนบอร์ดแบบ AT แต่ถ้าเป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับเมนบอร์ดที่เป็นแบบ ATX ก็จะต้องมีวงจรควบคุมแรงดันให้ออกมามีขนาด 3.3v เพิ่มอีกหนึ่ง (ซึ่งซีพียูรุ่นเก่าที่ใช้แรงดันไฟขนาด 3.3 v นี้ก็สามารถที่จะดึงแรงดันไฟในส่วนนี้ไปเลี้ยงซีพียูได้เลย)
- วงจรควบคุม เป็นวงจรที่ใช้ในการควบคุมวงจรสวิตชิ่ง ว่าจะให้ทำการจ่ายแรงดันไปให้กับหม้อแปลงหรือไม่ และแน่นอนว่าในส่วนนี้จะทำงานร่วมกับวงจรลอจิกที่อยู่บนเมนบอร์ด เมื่อวงจรลอจิกส่งสัญญาณกลับมาให้แก่วงจรควบคุม วงจรควบคุมก็จะสั่งการให้วงจรสวิตชิ่งทำงาน
- ภาคเรคติไฟเออร์ (Rectifier) หลังจากที่ไฟกระแสสลับ 220v ได้วิ่งผ่านฟิวส์ และวงจรกรองแรงดันเรียบร้อยแล้วก็จะตรงมายังภาคเรคติไฟเออร์ โดยหน้าที่ของเจ้าเรคติไฟเออร์ ก็คือ การแปลงไฟกระแสสลับ ให้มาเป็นไฟกระแสตรง ซึ่งก็ประกอบไปด้วย
- ตัวเก็บประจุ (Capacitor) จะทำหน้าที่ทำปรับให้แรงดันไฟกระแสตรงที่ออกมาจากบริดเรคติไฟเออร์ ให้เป็นไฟกระแสตรงที่เรียบจริงๆ
- ไดโอดบริดจ์เรคติไฟเออร์ (Bridge Rectifier) ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของตัว IC หรือแบบที่นำไดโอด 4 ตัวมาต่อกันให้เป็นวจรบริดจ์เรคติไฟเออร์
- วงจรสวิตชิ่ง (Switching) เป็นวงจรที่ใช้ในการทำงานร่วมกับวงจรควบคุม (Contrlo Circuit) เพื่อตรวจสอบว่าควรจะจ่ายแรงดันทั้งหมดให้กับระบบหรือไม่ โดยถ้าวงจรควบคุมส่งสัญญาณมาให้กับวงจรสวิตซิ่งว่าให้ทำงาน ก็จะเริ่มจ่ายแรงดันไฟฟ้าที่ได้จากภาคเรคติไฟเออร์ไปให้กับหม้อแปลงต่อไป
3. จงเขียนขั้นตอนการทดสอบ เพาเวอร์ซัพพลาย คอมพิวเตอร์
- เราจะใช้คลิปหนีบกระดาษแทน pin ที่เสียบอยู่ใน power supply เวลา “Power ON” หรือเปิดสวิตช์ให้ไฟเข้าแล้ว
- pin สีเขียวมักเป็น pin 15 ในผัง pin
4. ข้อปฏิบัติในการเลือกเพาเวอร์ซัพพลาย ทดแทนมีอะไรบ้าง
Step 1: เลือก PSU ที่มีขนาด WATT รองรับเพื่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของเรา
คำถามคือ แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าควรซื้อ PSU กำลังไฟเท่าไหร่ดี ? ผมมีสูตรง่ายๆมาให้คิดครับให้เอา TDP ของ CPU + GPU มา x2 และบวกอีก 80หรือ120 ครับ เป็นวิธีง่ายๆที่ใช้ได้จริง แต่ผมบอกก่อนนะว่า TDP ไม่ได้เป็นตัวบอกการกินไฟนะ
มันคือการคายความร้อนครับ แต่สามารถเอามาใช้ ในการตัดสินใจคร่าวๆได้ครับ
ที่ให้เพิ่มอีกนิดหน่อยก็สำหรับส่วนอื่นๆในคอมพิวเตอร์ มันกินไฟน้อย
ดังนั้นเผื่อประมาณนี้ไว้ก็พอ ส่วนถ้าใครพัดลมเยอะ ชุดน้ำใหญ่ ไฟจัดเต็ม
ก็บวกสัก 120 หรือเพิ่มอีกสักหน่อย และที่ให้ x2 เพื่อกะให้ PSU มี Load อยู่ที่ราวๆ 50-60% นั่นเอง เพราะถ้าใช้ใกล้ขีดจำกัดตลอดอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ PSU ได้ครับผม ซึ่งตามหลักแล้ว แนะนำให้ซื้อ ตัวที่มี watt เผื่อไว้เยอะหน่อยก็ดีครับ เพราะถ้าคอมรวมกินแค่ 300w ซื้อตัวกำลัง 1000w ก็ใช้ไฟแค่เท่าเดิมครับ ไม่ได้เพิ่มตาม ดังนั้นเผื่อเหลือๆได้ แต่ขาดไม่ได้ครับผม
Step 2: เลือกหาซื้อตัวที่ได้รับมาตรฐานการจ่าย ไฟ 80PLUS หรือ 80+
หากต้องการตัวเดียวจบ ใช้กันแบบยาวๆ แนะนำ ให้เลือก PSU ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการจ่ายไฟ 80+ ซึ่งเป็นการรับรองว่า PSU ตัวนี้นั้น จ่ายไฟได้กี่ % ได้มาตรฐานสากล หรือตามที่ระบุหรือไม่ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหลายระดับ เช่น White / Bronze / Silver / Gold / Platinum /Titanium เป็นต้น ยิ่งสูงก็ยิ่งดีครับ ซึ่งสำหรับคอมพิวเตอร์ ใช้งานทั่วไป หรือใช้สำหรับเกมเมอร์ แนะนำเลือก Bronze / Silver / Gold ก็เพียงพอแล้วครับ ถ้างบเราน้อย ไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้ เพราะมันต่างกันแค่ไม่กี่ % เท่านั้นครับ ถ้าเอาแบบง่ายๆเลยผมมีจัด Tier คุณภาพไว้ให้แล้วในช่อง สามารถดูและเลือกซื้อได้ทันทีครับ
Step 3: ถอดสายไฟ แยกได้ หรือไม่ (Modular Support)
อันนี้ง่ายๆครับ Modular คือ ออฟชั่นเสริม PSU ในระดับ Hi-end ที่รองรับการถอดสายไฟได้ ถ้าหากไม่มีก็จะเป็นแบบมีสายติดมากับตัว PSU ซึ่งทำให้จัดสายไฟ ให้สวยงามยาก เพราะไม่สามารถเลือกนำสายที่ไม่ใช้ถอดเก็บได้ ซึ่งในบางรุ่นจะมีเป็น Semi-Modular คือใส่ไว้ให้บางส่วนแค่ส่วนหลักๆครับ ความต่างของพวกนี้จะเกี่ยวกับเรื่องพื้นที่เคส และความสวยงามเป็นระเบียบมากกว่า และส่วนใหญ่ที่ดีๆก็มักจะเป็นแบบ Modular ทั้งหมด ดังนั้นไม่ต้องซีเรียสก็ได้ครับซึ่งประกอบด้วย:
- 80 PLUS
- 80 PLUS Bronze
- 80 PLUS Silver
- 80 PLUS Gold
- 80 PLUS Platinum
- 80 PLUS Titanium
ยิ่ง PSU ของคุณมีประสิทธิภาพมาก ก็ยิ่งใช้พลังงานและก่อให้เกิดความร้อนน้อยลง ด้วยเหตุนี้ ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นจึงมักมาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรค้นหาจุดสมดุลที่เหมาะสมสำหรับคุณ
5.จงเขียนขั้นตอนการถอดเปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลายให้เครื่องคอมพิวเตอร์
2.เปิดฝาเคสคอมพิวเตอร์ ถอดสายการเชือมต่อเพาเวอร์ซัพพลายกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกชิ้น
3.ถอดน็อตที่ยึดเคสติดกับเพาเวอร์ซัพพลาย
4.นำเพาเวอร์ซัพพลายออกจากเคส
5.นำเพาเวอร์ซัพพลายใหม่ติดตั้งลงไป
6.ยึดน็อตที่เคสและเพาเวอร์ซัพพลาย
7.เชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์ให้ครบ
8.เสียบปลั๊ก เปิดสวิตซ์ ทดสอบการใช้งาน
9.หากการใช้งานปกติ สามารถปิดฝาเคส พร้อมนำไปใช้งาน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น